Friday 19 February 2016

An Innocent Poem

         
                        สองสามปีที่แล้ว เพิ่งเริ่มต้นใช้ชีวิตนักศึกษา ฉันเขียนกลอนเล่นๆ อยู่บทหนึ่งตอนที่ทำกิจกรรมเวิร์คช็อปกับชมรมวรรณศิลป์ ได้รับคำติชมเสร็จสรรพ ฉันก็แปะมันไว้ข้างฝาห้องชมรม หมายมั่นกับสหายว่าจะเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนบทกวี  แต่กลับกัน หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตทำให้หลงลืมมันไปพร้อมๆ กับตัวชมรมเองนั่นแหละ

                       การอ่านเศษเสี้ยวความคิดของเราในอดีตมันเป็นเรื่องที่น่าจั๊กจี้พิลึก ฉันพินิจพิเคราะห์ ย่นจมูกไปกับกลิ่นฉุนของความไร้เดียงสา ระคนไปกับความรังเกียจเดียจฉันท์ตัวเอง  ถ้าให้มาเขียนกลอนทำนองนั้นในตอนนี้ ไม่มีทางทำได้แน่  เธอมันไร้เดียงสาซะจนไม่อยากเชื่อว่าครั้งหนึ่ง เธอเคยเป็นตัวฉันนี่เอง ฉันคิด  แต่เบื้องลึกก็ยังทอดอาลัยให้อดีตอยู่นั่น

                      ฉันเปลี่ยนแปลงไปมากเหลือเกิน ฉันยินดีกับการเติบโต(?) และเปลี่ยนแปลงภายในตนเอง แต่ก็ยังคิดถึงความคิด ความรู้สึกที่เคยมี ก็ใช่ว่าฉันทิ้งมันไปหมดแล้วหรอกนะ ฉันยังเห็นบางส่วนของตัวเองในนั้นอยู่ เพียงแต่มันซับซ้อนขึ้น และเจือปนด้วยความเจ็บปวดมากขึ้น

                      จริงๆแล้ว  การอ่านเรื่องราวในอดีตคงจะกระตุ้นให้ฉันได้ตระหนักว่ามีเรื่องราวเจ็บปวดมากมายเกิดขึ้น ตรงช่องว่างระหว่างกระดาษแผ่นนั้นกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ตอนนี้ มันคงเป็นตัวหล่อหลอมรูปทรงใหม่ให้ฉันสวมใส่

'เท่าไหร่ดี'

ฉันนั่งคิดถึง หมู วัว เป็ด ไก่
โรงงานอุตสาหกรรมและโรงฆ่าสัตว์

แต่ฉันต้องรักเจ้าเท่าไหร่
ถึงจะมองข้ามความอร่อยของเจ้าเสียที


ฉันกิน ผัก ผัก ผัก และ ผัก
พลันตระหนัก โธ่ เกษตรเน้นเคมี

แล้วฉันต้องเอาชนะความขี้เกียจอีกเท่าไหร่
จะได้ปลูกผักเองเสียที


ฉันอยากอ่านหนังสือกองโตๆ
โรแมนติค เรื่องสั้น ประวัติศาสตร์

แต่ฉันต้องใช้สมาธิมากเท่าไหร่
ถึงจะเลิกหลับคาหนังสือเสียที


ฉันกับเธอ  คบกัน
พยายามร่วมสร้างความสัมพันธ์

แต่ฉันต้องปรับตัวเท่าไหร่
เราจึงจะราบรื่นเสียที


ฉันเดินไปในความคิด
ขุดคุ้ยค้นหาความจริงในชีวิต

แล้วนี่ฉันต้องพยายามเท่าไหร่
ถึงจะเข้าใจตัวเองเสียที 


ปล. ความขี้เกียจอ่านหนังสือยังคงเดิม แต่ไม่ใช่ความปรารถนาจะเป็นมังสวิรัติ ไม่ใช่กับความสัมพันธ์ ฉันเข้าใจตัวเองขึ้นมาก และไม่นิยมชมชอบการเขียนบทกลอนสั้นๆ มีการซ้ำวรรคน่ารักๆ แบบนี้เสียแล้ว

No comments:

Post a Comment